เออร์ลิง ฮาแลนด์ ทำ 2 ประตูให้ แมนฯ ซิตี้ ก่อนโดนโมนาโกตีเสมอ 2-2

Browse By

เออร์ลิง ฮาแลนด์ ดาวยิงร่างยักษ์ของ แมนฯ ซิตี้ กลับมาแสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมและพลังในการจบสกอร์ที่โลกฟุตบอลยากจะละสายตาได้อีกครั้ง หลังเหมาคนเดียวสองประตูในเกมที่ต้นสังกัดบุกไปเยือนโมนาโก ทีมดังแห่งลีกเอิง ฝรั่งเศส ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่สอง ซึ่งลงเอยด้วยผลเสมอ 2-2 ในเกมที่ทั้งสองทีมต่างเปิดเกมแลกกันอย่างสนุกและมีช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างเหนือกว่าในแต่ละจังหวะของการแข่งขัน โดยเฉพาะการต่อสู้กันระหว่างแนวรับของโมนาโกกับพลังการทะลวงของฮาแลนด์ที่กลายเป็นจุดเด่นของค่ำคืนนี้

เกมนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของ แมนฯ ซิตี้ ตัดสินใจจัดผู้เล่นชุดผสมระหว่างตัวจริงและตัวสำรองลงสนาม หลังจากมีโปรแกรมพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์รออยู่ โดยให้ฮาแลนด์ยืนเป็นหน้าเป้าตามปกติ ขนาบข้างด้วยฟิล โฟเด้นและแจ็ค กรีลิช ขณะที่เควิน เดอ บรอยน์ได้พัก ส่วนแบร์นาร์โด้ ซิลวาและมัตเตโอ โควาซิชคุมเกมแดนกลาง ด้านโมนาโกของอาดี ฮุตเตอร์ก็ไม่ยอมอ่อนข้อ ส่งวิสซัม เบน เยแดร์และโฟลาริน บาโลกุนลงล่าตาข่ายพร้อมกัน หวังใช้ความเร็วเล่นงานแนวรับซิตี้ที่มีรูเบน ดิอาสกับมานูเอล อาคันจีเป็นแกนหลัก

เสียงนกหวีดเริ่มเกมได้ไม่นาน แมนฯ ซิตี้ก็ควบคุมจังหวะการเล่นได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด การครองบอลในแดนคู่แข่งเป็นจุดเด่นของทีมจากอังกฤษเสมอ และในนาทีที่ 13 ก็เกิดประตูแรกขึ้นเมื่อกรีลิชลากบอลทางซ้ายก่อนเปิดเรียดเข้ากลางให้ฮาแลนด์ตวัดยิงด้วยซ้ายเข้าเสาแรกอย่างเฉียบขาด เป็นประตูที่บ่งบอกถึงสัญชาตญาณการจบสกอร์ระดับโลกของดาวเตะชาวนอร์เวย์ และเป็นการปลดล็อกให้ซิตี้ออกนำก่อน 1-0 ซึ่งในช่วงเวลานั้นโมนาโกเองก็ยังไม่สามารถตั้งเกมได้ดีพอ

หลังจากนั้น ซิตี้ยังคงครองเกมได้ต่อเนื่อง โฟเด้นพยายามเล่นทะลุช่องหลายครั้ง ขณะที่แบร์นาร์โด้คอยเชื่อมบอลระหว่างกลางสนามกับแนวรุกอย่างมีประสิทธิภาพ นาทีที่ 28 ทีมเยือนมาได้ลูกที่สองจากจังหวะสวนกลับเร็ว เมื่อโควาซิชแทงทะลุช่องให้ฮาแลนด์สปีดหนีแนวรับคู่แข่งก่อนหลุดเข้าไปยิงลอดขาโกล์เข้าไปอย่างเด็ดขาด เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ และนับเป็นลูกที่ห้าในรอบสองนัดของเขาในรายการนี้ ทำให้แมนฯ ซิตี้หนีห่าง 2-0 อย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงปรบมือจากแฟนบอลทีมเยือนที่เดินทางมาเชียร์ถึงถิ่นฝรั่งเศส

ช่วงครึ่งแรกที่เหลือ โมนาโกเริ่มปรับระบบเพื่อหยุดการบุกของซิตี้ พวกเขาถอยลงมาเล่นเกมรับลึกขึ้น แต่ยังอาศัยจังหวะสวนกลับของบาโลกุนเป็นอาวุธหลัก จนเข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 41 เจ้าถิ่นก็ได้เฮบ้างจากการเปิดบอลของโกโลวินเข้ากลางให้เบน เยแดร์ชิงโหม่งตุงตาข่าย เป็นสัญญาณเตือนชัดเจนว่าเกมยังไม่จบง่ายๆ ก่อนจบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-1

เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง รูปเกมเริ่มเปิดมากขึ้น โมนาโกกล้าเดินหน้าไล่เพรสซิ่งตั้งแต่แดนบน ทำให้ซิตี้ต้องเริ่มระวังการจ่ายบอลในแนวลึกมากขึ้น ฮุตเตอร์ปรับเอาเบน เซกีร์ลงมาเพิ่มความเร็วในเกมรุก ส่งผลให้แนวรับของแมนฯ ซิตี้เริ่มต้องทำงานหนักกว่าเดิม นาทีที่ 57 เกิดจังหวะสำคัญเมื่อบาโลกุนได้บอลหลุดเข้ากรอบเขตโทษก่อนถูกอาคันจีสกัดล้ม แต่ผู้ตัดสินเช็ก VAR แล้วไม่ให้จุดโทษ ท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนบอลในสนามหลุยส์ที่ 2 ที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินนั้น

จากนั้นไม่นาน นาทีที่ 66 ความพยายามของโมนาโกก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อโกโลวินโชว์ทักษะลากบอลตัดเข้าในจากด้านซ้ายก่อนซัดไกลด้วยขวา บอลพุ่งเสียบมุมเสาไกลเข้าไปอย่างสุดสวย สกอร์กลับมาเสมอกัน 2-2 เกมกลับมาสนุกอีกครั้ง และในช่วงเวลานี้เอง เป๊ปเริ่มแสดงสีหน้ากังวลเพราะลูกทีมเสียการคอนโทรลเกมกลางสนามให้เจ้าถิ่น

โมนาโกเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้นหลังตีเสมอได้ พวกเขาเริ่มครองบอลและต่อบอลสั้นในแดนซิตี้หลายครั้ง ขณะที่แนวรับทีมเยือนเริ่มมีช่องว่างให้เห็นมากขึ้น การจัดการเกมรับของซิตี้ไม่แน่นหนาเท่าที่ควร โดยเฉพาะฝั่งซ้ายที่กรีลิชมักถอยลงไม่ทันช่วยทำให้แบ็กอย่างเซร์คิโอ โกเมซต้องรับภาระหนัก ฮุตเตอร์เห็นจุดนี้จึงส่งเอลีส เบน ซาเกียร์ลงมาเพิ่มความสด และเกือบได้ผลในนาทีที่ 78 เมื่อดาวรุ่งรายนี้ยิงจากระยะ 25 หลา บอลพุ่งไปชนคานอย่างจัง เสียงเฮเก้อของแฟนบอลเจ้าบ้านดังกระหึ่ม

เป๊ปจึงไม่รอช้า ส่งเดอ บรอยน์และโรดรีลงมาช่วยคุมจังหวะเกม และเปลี่ยนฮาแลนด์ออกในนาทีที่ 81 เพื่อพักให้พร้อมสำหรับเกมลีกในวันเสาร์ การเปลี่ยนตัวนี้ทำให้โมนาโกกลับมากล้าบุกมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันซิตี้ก็มีโอกาสสวนกลับหลายหนจากเดอ บรอยน์ที่ลงมาปั้นเกม แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูชัยได้

ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 89 ซิตี้ได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะ 25 หลา เดอ บรอยน์ปั่นบอลโค้งข้ามกำแพงแต่หลุดกรอบออกไปนิดเดียว ก่อนที่กรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลา จบเกมด้วยผลเสมอ 2-2 ที่แฟนบอลทั้งสองทีมต่างยืนปรบมือให้ เพราะเป็นเกมที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและความเข้มข้นตลอด 90 นาที

ผลเสมอในเกมนี้ทำให้แมนฯ ซิตี้เก็บได้ 4 คะแนนจาก 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นเข้ารอบต่อไป ขณะที่โมนาโกถือว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในฐานะทีมรองบ่อน สามารถยันเสมอทีมแชมป์เก่าได้สำเร็จ แม้ต้องเล่นภายใต้ความกดดันตลอดทั้งเกม

สำหรับฮาแลนด์ ผลงานสองประตูในเกมนี้ทำให้เขาทำสถิติยิงในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกถึง 41 ประตูจากการลงเล่นเพียง 37 นัด ซึ่งเป็นตัวเลขที่เหนือกว่ากองหน้าชื่อดังหลายคนในช่วงวัยเดียวกัน ความเฉียบคมของเจ้าตัวยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แมนฯ ซิตี้เป็นทีมที่คู่แข่งต้องหวาดกลัวในทุกสนาม และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชื่อของเขาจะถูกพูดถึงในวงการเดิมพันกีฬาทั้งในยุโรปและเอเชีย รวมถึงแฟนบอลที่ติดตามผ่านแพลตฟอร์มคุณภาพอย่าง ufabet บอลชุดออนไลน์ ราคาดีที่สุด ซึ่งมักนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนักเตะระดับโลกและทีมยักษ์ใหญ่ในทุกการแข่งขัน

สิ่งที่น่าสนใจจากเกมนี้คือการปรับแท็กติกของทั้งสองทีม กวาร์ดิโอล่าพยายามทดลองระบบการเล่น 4-3-3 ที่มีโควาซิชและแบร์นาร์โด้เป็นคู่กลางโดยไม่มีโรดรี ทำให้การคุมจังหวะเกมในครึ่งหลังหลวมลงจนโมนาโกสามารถกลับมาได้ ส่วนฮุตเตอร์เลือกใช้การเพรสซิ่งแบบไดนามิกและการวิ่งบีบพื้นที่เร็ว ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลดีในการเจอกับทีมที่เน้นการครองบอลอย่างซิตี้ และนี่คือสิ่งที่แฟนบอลและนักวิเคราะห์ในแวดวงเดิมพันฟุตบอลให้ความสนใจ เพราะบ่งบอกถึงจุดอ่อนและจุดแข็งที่อาจมีผลต่อสถิติและอัตราต่อรองในนัดต่อๆ ไปในมุมของ ufabet เว็บตรงทางเข้า เล่นได้ทุกที่ อีกด้วย

แม้จะเสมอ แต่ภาพรวมของแมนฯ ซิตี้ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในแนวรุกและความสามารถในการสร้างสรรค์โอกาส แม้บางช่วงจะหลุดโฟกัสและเสียประตูง่ายเกินไป การเก็บได้หนึ่งแต้มจากถิ่นโมนาโกถือว่าไม่เลวในมุมมองของทีมที่เน้นความยั่งยืนตลอดรายการ ฮาแลนด์เองให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า “ผมรู้สึกดีที่ได้กลับมายิงประตูได้อีกครั้ง แต่เราควรปิดเกมได้เร็วกว่านี้ เราไม่ควรปล่อยให้คู่แข่งกลับมาได้ง่ายแบบนั้น” คำพูดของเขาสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและมาตรฐานที่ตั้งไว้สูง

สำหรับโมนาโก ผลเสมอนัดนี้สร้างขวัญกำลังใจอย่างมาก โดยเฉพาะกับนักเตะดาวรุ่งที่ได้พิสูจน์ว่าพวกเขาสามารถต่อกรกับทีมแชมป์ยุโรปได้อย่างไม่เกรงกลัว เบน เยแดร์และโกโลวินต่างได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อฝรั่งเศส ส่วนบาโลกุนเองก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเล่นเกมรุกที่น่าจับตา หากพวกเขาสามารถรักษามาตรฐานนี้ไว้ได้ การเข้ารอบต่อไปไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน

จากมุมมองทางแท็กติก เป๊ปอาจต้องกลับไปปรับปรุงการรับมือกับการเพรสซิ่งสูง โดยเฉพาะในเกมเยือนที่สภาพสนามและจังหวะบอลอาจไม่เป็นใจเท่าที่เอติฮัด สเตเดี้ยม นอกจากนี้ ความสมดุลระหว่างแนวรุกกับแดนกลางยังต้องพัฒนาอีกเล็กน้อย เพราะเมื่อไม่มีโรดรีหรือเดอ บรอยน์อยู่พร้อมกัน เกมของซิตี้มักขาดความนิ่งในช่วงท้าย การที่คู่แข่งอย่างโมนาโกสามารถใช้โอกาสสองครั้งสองคราเปลี่ยนเป็นประตูได้ ย่อมเป็นบทเรียนสำคัญให้กับแชมป์เก่าในเส้นทางป้องกันตำแหน่ง

ในขณะเดียวกัน แฟนบอลทั่วโลกต่างจับตาว่าฮาแลนด์จะสามารถรักษาฟอร์มการยิงประตูอันดุดันนี้ได้ต่อเนื่องแค่ไหน โดยเฉพาะในรายการใหญ่ที่ต้องเล่นหลายเกมติดกัน การบริหารความฟิตของเขาจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในฤดูกาลที่แล้วเจ้าตัวมีปัญหาอาการบาดเจ็บเล็กน้อยช่วงปลายซีซั่น ทำให้พลาดโอกาสลุ้นรางวัลดาวซัลโวยุโรปในที่สุด เป๊ปเองคงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

เกมนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าฟุตบอลยุโรปยุคใหม่ไม่ได้มีเพียงบิ๊กทีมจากอังกฤษ สเปน หรือเยอรมันเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดได้ในเวทีใหญ่ สโมสรจากลีกเอิงอย่างโมนาโกยังคงมีศักยภาพและแนวทางการพัฒนาเยาวชนที่โดดเด่น ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนบอลจำนวนมากเริ่มหันมาสนใจมากขึ้น และบ่อยครั้งพวกเขาจะติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้ผ่านช่องทางของ คาสิโน ufabet เว็บตรง ครบทุกเกมเดิมพัน ที่รวบรวมข้อมูลการแข่งขัน สถิติ และข่าวสารจากทั่วโลกไว้อย่างครบถ้วน

ท้ายที่สุด เกมนี้ไม่ได้มีแค่สกอร์ 2-2 เท่านั้นที่น่าจดจำ แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของคุณภาพฟุตบอลในระดับสูงที่เต็มไปด้วยการแก้เกม การวางแท็กติก และการต่อสู้ของนักเตะที่ไม่ยอมแพ้ต่อสถานการณ์ใดๆ ฮาแลนด์ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของพลังและความหิวกระหายในการทำประตู ส่วนโมนาโกได้แสดงให้เห็นถึงหัวใจนักสู้ที่พร้อมต่อกรกับทุกทีมในยุโรป ผลเสมอนี้อาจไม่สมบูรณ์แบบสำหรับใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ในมุมของคนดูแล้ว มันคือหนึ่งในเกมที่ให้ความบันเทิงและคุณภาพอย่างแท้จริง

และนี่คือเหตุผลที่แฟนบอลทั่วโลกยังคงหลงใหลในเกมลูกหนัง เพราะฟุตบอลไม่ได้วัดกันแค่ผลลัพธ์สุดท้าย แต่คือเรื่องราวของความพยายาม การแก้เกม และความเป็นมนุษย์ในสนาม ทุกจังหวะ ทุกการยิง ทุกการเซฟ ต่างมีอารมณ์และความหมายของมัน — เหมือนกับที่เกมนี้ได้ตอกย้ำว่า “ชัยชนะไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่ความมุ่งมั่นต่างหากที่ทำให้ทีมยิ่งใหญ่” ซึ่งในค่ำคืนที่หลุยส์ที่ 2 ฮาแลนด์และเพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขายังคงเป็นหนึ่งในทีมที่คู่แข่งทุกทีมต้องระวังเสมอในทุกวินาทีของเกมการแข่งขันบนเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก